NER ผ่านจุดต่ำสุด ขยายโรงงานรับดีมานด์จีนพุ่ง ชี้วิกฤตแบงก์สหรัฐฯกระทบราคายาง

M ลุยขยาย 27 สาขาใหม่ ตั้งเป้ารายได้โต 15% กำเงินสด 7.8 พันล้าน พร้อมซื้อธุรกิจเพิ่ม

 NER ผ่านจุดต่ำสุด ขยายโรงงานรับดีมานด์จีนพุ่ง ชี้วิกฤตแบงก์สหรัฐฯกระทบราคายาง

S&P ลุยรีโนเวทร้านอาหาร-เบเกอรี่มาร์ท มองปี66 ธุรกิจอาหารฟื้นแต่ไม่เท่าก่อนโควิด

บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ประกาศแผนการขยายกำลังการผลิตสินค้าประเภทยางแท่ง และยางแท่งผสม โดยก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 3 กำลังการผลิต 172,800 ตัน ใช้งบลงทุนราว 700 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมการและการปรับปรุงที่ดิน คาดว่าจะสร้างเสร็จในไตรมาส 1 ปี 2567 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีกำลังการรวมทั้งหมด 688,400 ตันต่อปี

บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดแผนการขยายกำลังการผลิตสินค้าประเภทยางแท่ง และยางแท่งผสม โดยก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 3 กำลังการผลิต 172,800 ตันคำพูดจาก เว็บสล็อตแท้

ใช้งบลงทุนราว 700 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมการและการปรับปรุงที่ดิน คาดว่าจะสร้างเสร็จในไตรมาส 1 ปี 2567 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีกำลังการรวมทั้งหมด 688,400 ตันต่อปี

ธุรกิจ NER ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเป็นทิศทางขาขึ้น ถึงราคายังไม่ได้ปรับขึ้นเยอะ แต่เราได้ขยายปริมาณสินค้าค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นปีหน้าจะเป็นทิศทางขาขี้นของเราอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการขยายตลาดกลุ่มลูกค้าประเทศต่าง ๆ เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีการเซ็นสัญญากลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นทั้งลูกค้าในประเทศ รวมถึงลูกค้าต่างประเทศอาทิ จีน สิงคโปร์ อินเดีย

สำหรับกรณี สิทธิประโยชน์ทางภาษี (BOI) ของโรงงานที่ ใน จ.บุรีรัมย์ ที่ลดภาษี 50% กำลังจะหมดอายุลงปีนี้ ส่งผลให้ปีนี้เป็นปีแรกที่จะจ่ายภาษีเต็ม 100% มองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมาเพราะยางแผ่นลมควันมีมูลค่าการผลิตเพียง 60,000 ตันต่อปี จากการผลิตรวมทั้งหมด 4 แสนว่าตันต่อปี จึงคาดว่าไม่ได้มีนัยยะสำคัญที่จะทำงบการเงินของบริษัทเปลี่ยนแปลงไปมาก

ขณะเดียวกัน NER ประเมินกรอบราคายางปีนี้อยู่ที่ 45-60 บาท โดยมองว่ากรณีธนาคารล้มละลายในสหรัฐอเมริกา ได้ส่งผลกระทบต่อความต้องการยางทั่วโลกด้วย ทำให้ราคายางยังไม่ปรับขึ้นมากหลังเปิดประเทศ เนื่องจากแม้ความต้องการตลาดส่วนใหญ่ของบริษัทจะมาจากจีน แต่ในสหรัฐฯก็เป็นตลาดรองที่มีการบริโภคยางจำนวนมากอีกประเทศหนึ่งเช่นกัน และหากสหรัฐฯได้รับผลกระทบก็จะส่งผลถึงตลาดหลักในจีนด้วยเช่นกัน