คาดกนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็นครั้งสุดท้าย สิ้นสุดวัฏจักรขาขึ้น

ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 31 พ.ค. นี้ คาดว่ากนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งสุดท้ายในรอบวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นที่0.25% มาอยู่ที่ระดับ 2.00% ท่ามกลางแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่เผชิญความเสี่ยงมากขึ้น ขณะที่แรงกดดันจากแนวโน้มนโยบายการเงินแบบตึงตัวของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกเริ่มลดลง เนื่องจากธนาคารกลางหลักอย่างเฟดเริ่มส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ยในระยะอันใกล้

กสิกรไทย คาด กนง.ขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย 0.25% มองเศรษฐกิจไทยยังเสี่ยง

กนง.คาดมีความเสี่ยงเงินเฟ้อสูง "นานกว่าคาด" แต่จะทยอยขึ้นดอกเบี้ย

 คาดกนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็นครั้งสุดท้าย สิ้นสุดวัฏจักรขาขึ้น

ตัวเลขเงินเฟ้อของไทยเดือนเม.ย. 2566 ลดลงมาอยู่ในกรอบเป้าหมายของธปท. ที่ 1-3% เป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ส่งผลให้กนง. อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งสุดท้ายในรอบวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นนี้ที่ร้อยละ 0.25

ทั้งนี้ เงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือนเม.ย. ที่ผ่านมาลดลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือนที่ 2.67%YoY สะท้อนแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่อ่อนแรงลง ขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อในระยะข้างหน้าคาดว่าจะยังคงมีทิศทางชะลอลงตามฐานที่สูงในปีก่อนหน้าประกอบกับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่คาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำกว่า 90 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ดี

จากการประชุมกนง. ครั้งก่อน กนง. ได้ส่งสัญญาณว่ากนง. อาจยังไม่หยุดเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยท่ามกลางความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่อาจคาอยู่ในระดับสูงจากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่องโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ประกอบกับยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการส่งผ่านต้นทุนจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภครวมถึงแนวโน้มราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ในระยะข้างหน้า ส่งผลให้กนง. มีแนวโน้มที่จะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อในการประชุมกนง. วันที่ 31 พ.ค. นี้ตามที่ได้ส่งสัญญาณไว้

ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน (policy space) สำหรับอนาคต หากมีสถานการณ์ที่ส่งผลให้กนง. จำเป็นต้องมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ดี ทิศทางเงินเฟ้อที่ชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่เผชิญความเสี่ยงมากขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและจากประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ

ขณะที่แรงกดดันจากแนวโน้มนโยบายการเงินแบบตึงตัวของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกเริ่มลดลง เนื่องจากธนาคารกลางหลักอย่างเฟดเริ่มส่งสัญญาณอาจหยุดขึ้นดอกเบี้ยในระยะอันใกล้ ส่งผลให้กนง. คงจะต้องให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากขึ้นและมีแนวโน้มที่จะหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะอันใกล้ ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก0.25% ในการประชุมกนง. วันที่ 31 พ.คคำพูดจาก เว็บสล็อตลิขสิ. ที่จะถึงนี้อาจเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นรอบนี้

ขณะที่ในระยะข้างหน้า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่ากนง. มีแนวโน้มที่จะคงดอกเบี้ยที่ระดับ 2.00% ไปตลอดปี 2566 หากเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 ตามที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี ทิศทางค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มที่จะยังคงเผชิญความผันผวนท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักทั่วโลก รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ

ทั้งนี้ ทิศทางค่าเงินบาทในระยะข้างหน้าคาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่คาดว่าจะกลับมาเป็นบวกตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มที่จะเผชิญความผันผวนต่อไปในระยะข้างหน้า โดยความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลคงเป็นปัจจัยที่อาจกดดันค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลง ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ฯ อาจได้รับปัจจัยหนุนหากเฟดเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อต่างจากที่ตลาดส่วนใหญ่คาด ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงและตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง

นอกจากนี้ ความต้องการสกุลเงินดอลลาร์ฯ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven) ท่ามกลางความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่มีมากขึ้นคงจะเป็นอีกปัจจัยที่หนุนให้ค่าเงินดอลลาร์ฯ กลับมาแข็งค่าได้